การถ่าย OB Switching คืออะไร ?
หลายท่านคงจะเคยได้ยินหรือได้รับการแนะนำถึงคำว่า การถ่ายโอบี ทีมโอบี หรือ OB Switcher เป็นการถ่ายทำรูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้กล้องมากกว่า 1 ตัวในการถ่ายทำ โดยกล้องทุกตัวจะส่งภาพมาที่เครื่องสลับสัญญาณภาพ หรือ Switching และที่เครื่อง Switching จะมีเจ้าหน้าที่ควบคุม (Switcher) คอยตัดภาพว่าต้องการให้ภาพจากกล้องไหนออนแอร์
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพของระบบ OB Switcher ในการถ่ายทอดสดฟุตบอล ภาพที่ทุกคนเห็นบนจอทีวี จะมีการสลับภาพ สลับมุมกล้องจากกล้องหลายๆตัว หลายๆมุม นั่นคือการทำงานของ OB Switching นั่นเอง
ควรใช้กล้องกี่ตัว ?
จำนวนกล้องตามความเหมาะสมของงาน เช่น งานประชุมห้องขนาดเล็ก ควรใช้ 2 กล้อง ห้องประชุมขนาดกลางถึงใหญ่ ควรใช้ 3-4 กล้อง หรืองานคอนเสิร์ตหรือกีฬา ควรใช้ 6 กล้องขึ้นไป การระบุจำนวนกล้องทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณด้วย เพราะการใช้กล้องจำนวนมากก็ต้องใช้งบประมาณที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
การถ่าย OB ระบบเก่า (ใช้สายสัญญาณ)
ปกติแล้ว การเชื่อมต่อระหว่างกล้องกับเครื่อง Switching จะต้องใช้สายไฟถึง 4 เส้นเป็นอย่างน้อย ได้แก่ 1)สายสัญญาณภาพ 2)สายสัญญาณเสียง 3)สายอินเตอร์คอมสื่อสารระหว่างตากล้องและคน Switcher 4)สายสัญญาณไฟคิว Tally เมื่อใช้สายไฟถึง 4 เส้น นั่นหมายถึงสายไฟอาจจะมีเยอะ ดูเกะกะ ไม่เป็นระเบียบ หากเจ้าหน้าที่เดินสายไฟไม่ดีอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ข้อดีของการใช้สายสัญญาณคือ ระบบมีความเสถียร ไม่ถูกคลื่นใดๆรบกวน แต่ข้อเสียของการใช้สายสัญญาณ คือ กล้องไม่สามารถคลื่นที่ได้อย่างอิสระเนื่องจากมีสายไฟที่จะต้องลากไปด้วย ดูเกะกะ ใช้เวลาติดตั้งนาน และมีข้อจำนวนเรื่องระยะสายจะต้องยาวไม่เกิน 100 เมตร
ระบบ OB ไร้สาย หรือ Wireless OB Switching
MAS เราให้บริการถ่ายทำรูปแบบ OB Switching ด้วยระบบไร้สายสมบูรณ์แบบ ไม่มีสายไฟเชื่อมต่อระหว่างกล้องและเครื่อง Switching แม้แต่เพียงเส้นเดียว ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งการส่งสัญญาณภาพและเสียงด้วยความละเอียดระดับ Full HD มีอินเตอร์สื่อสารแบบไร้สาย และไฟคิว Tally ไร้สาย ระบบไร้สายของเราสามารถทำงานได้มากกว่า 300 เมตร หลุดพ้นข้อจำกัดของการใช้สายสัญญาณแบบเก่า กล้องสามารถคลื่นที่ได้อย่างอิสระเพราะไม่มีสายไฟ และที่สำคัญใช้เวลาติดตั้งระบบเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น ข้อเสียของระบบ OB ไร้สาย คือ ราคาที่สูงกว่าระบบปกติ เนื่องจากการลงทุนระบบไร้สายจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 2-3 เท่าตัว และอาจมีการรบกวนของคลื่นสัญญาณทำให้ระบบล่มได้ แต่หากมีเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ทำงานกับระบบไร้สายประจำอยู่ที่หน้างานก็จะสามารถตรวจสอบและแก้ไขได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น การเลือกใช้ระบบ OB ไร้สายจึงควรเลือกใช้บริษัทที่มีประสบการณ์ทำงานด้านนี้โดยตรง ราคาอาจจะแพงกว่าแต่ลดความเสี่ยงที่จะทำให้งานล่มได้แน่นอน
MAS Thailand เราเป็นบริษัทแรกๆในประเทศไทยที่เริ่มต้นใช้ระบบไร้สายตั้งแต่ปี 2014 มีประสบการณ์ในการทำงานสูง หากสนใจบริการถ่าย OB Switching สามารถเข้าชมรายละเอียดได้ที่ https://www.focus.in.th
การถ่ายทอดสดออนไลน์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต Live สด (Facebook Live / Youtube Live)
ปัจจุบันการถ่ายทอดสดผ่าน Social Media กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นการตลาดแบบใหม่ เพิ่มช่องทางการเข้าถึง ในอดีตการที่จะถ่ายทอดสดภาพออกไปทางโทรทัศน์ให้คนดูที่บ้านได้เป็นเรื่องที่ยากและมีค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาล แต่ด้วยเทคโนโลยีได้ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วทำให้เกิดการ Live สด ผ่านช่องทางต่างๆ หรือที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทยและต่างประเทศคือ Facebook Live และ YouTube Live นั่นเอง ซึ่งใครๆก็สามารถถ่ายทอดสดออนไลน์ได้อย่างง่ายๆเริ่มต้นใช้เพียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวเท่านั้น
การถ่ายทอดสด Facebook Live ระดับมืออาชีพ
"ระดับมืออาชีพ" อันดับแรก Live ห้ามหลุดเด็ดขาด ! ต้องอาศัยอินเตอร์เน็ตที่ดีมากๆ เพราะถ้าสัญญาณเน็ตหลุดแล้วล่ะก็ Live ก็จะตัดทันที คนดูไม่สามารถดูต่อได้ เกิดความเสียหายหลายฝ่าย ฉะนั้นอุปกรณ์ที่นำมาใช้จะต้องดีทุกชิ้น และที่สำคัญอินเตอร์เน็ต ควรจะมีระบบ Internet Bonding หรือ Load Balance อุปกรณ์ประเภทนี้จะทำหน้าที่รวมสัญญาณอินเตอร์เน็ตหลายๆเส้นให้เป็นเส้นเดียว จะป้องกันปัญหาเน็ตหลุดได้ดี แต่หากผู้ให้บริการใช้เพียงระบบ 1 Sim ธรรมดาแล้วล่ะก็ ถ้าโชคร้ายขึ้นมาก็อาจทำให้งานล่มได้ง่ายเช่นกัน ซึ่งการใช้เพียง 1 Sim เป็นระบบที่แพร่หลาย หลายๆผู้ให้บริการเลือกใช้วิธีนี้เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำมากๆ ทำให้ขายได้ในราคาไม่แพง ซึ่งแตกต่างจากอุปกรณ์ประเภท Internet Bonding ที่มีราคาแพงมากๆ หรืออาจจะเกินหลักแสน แถมยังมีค่าบริการรายเดือนมหาโหด ทำให้ต้นทุนสูงมากๆ และแน่นอน ราคาขายให้ลูกค้าก็ต้องแพงเช่นกัน แต่ความแพงนั้นแลกมาด้วยอุปกรณ์คุณภาพสูง ลดโอกาสที่งานสำคัญจะล่ม
Internet Bonding หรือ Load Balance ทำงานอย่างไร ?
อุปกรณ์ชนิดนี้จะทำหน้าที่ในการรวมสัญญาณเน็ตหลายๆเส้น อาจจะมาจาก Air Card หรือ สาย LAN หรือ WiFi สามารถนำทุกๆช่องทางมารวมกันเป็นเส้นเดียว และในระหว่างที่กำลังใช้งานหากเน็ตเส้นใดเส้นหนึ่งเกิดมีปัญหา ยังเหลือเน็ตสำรองอีกหลายเส้น ทำให้งานไม่สะดุด ระบบที่นิยมนำมาใช้คือ Air Card โดยอาศัยสัญญาณ 3G / 4G ซึ่งปัจจุบันนี้มีความเร็วที่เพียงพอต่อการถ่ายทอดสดความละเอียดระดับ Full HD แล้ว โดย Load Balance มีมากมายหลายยี่ห้อ จำนวน Sim card ก็แตกต่างกัน เช่น รุ่น 2 ซิม / รุ่น 4 ซิม / รุ่น 8 ซิม ซึ่งราคาก็จะแพงตามไปด้วย
MAS ใช้อุปกรณ์อะไร และระบบอะไรในการถ่ายทอดสด Live ?
เราเลือกใช้อุปกรณ์ถ่ายทอดสดหลักๆคือ LiveU เป็นผลิตภัณฑ์มาตรฐานระดับโลก ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา มีระบบ LRT และระบบ Bonding สามารถใส่ซิมการ์ดได้ 4 ซิม เราใช้ทั้งหมด 3 เครือข่ายพร้อมๆกัน ได้แก่ AIS True DTAC สามารถใช้งานได้ดีทุกพื้นที่ทั่วไทย แม้แต่ในป่าเขา เพียงมีสัญญาณ 3G อ่อนๆ ก็ยังสามารถถ่ายทอดสดความคมชัดสูงได้ เพราะอาศัยการรวมความเร็วกันทั้ง 4 ซิมในการถ่ายทอดสด
การถ่ายทอดสดผ่านระบบ 5G
ปัจจุบันในประเทศไทยมีการเปิดให้บริการคลื่นความถี่ 5G ไปแล้ว ซึ่งผู้นำระบบ 5G ในปัจจุบันคือ AIS มีโครงข่ายครอบคลุม 77 จังหวัด โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครสามารถใช้ได้แทบจะทุกพื้นที่ ซึ่ง 5G จะให้สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่แรงมากๆ แรงกว่า 3G/4G อยู่ประมาณ 24 เท่าตัว และมีดีเลย์ที่ต่ำเหมาะกับการถ่ายทอดสดออนไลน์เป็นอย่างมาก
MAS เลือกใช้เครือข่าย AIS 5G ในการถ่ายทอดสดออนไลน์
ในวันที่เขียนบทความนี้ (1/4/2020) เท่าทีทราบยังไม่มีผู้ให้บริการเจ้าใดที่ให้บริการถ่ายทอดสดด้วย AIS 5G เนื่องจากคลื่น 5G เพิ่งเปิดให้บริการได้เพียง1เดือน (2/3/2020) อุปกรณ์ยังไม่แพร่หลาย เราเตรียมความพร้อมในการอัพเกรดระบบไว้ทั้งหมดแล้ว เราพร้อมที่จะให้บริการถ่ายทอดสดออนไลน์ผ่านโครงข่าย 5G ซึ่งมีความเสถียรสูงที่สุดแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป